Search

สัมภาษณ์ลุง Okamoto Street Fighter 2 ตอนต่อ
<...

  • Share this:

สัมภาษณ์ลุง Okamoto Street Fighter 2 ตอนต่อ

----------------------------

บริษัทมันมีธรรมเนียมพาลูกน้องไปกินข้าว
แล้วเราเป็นคนจ่าย

คือเรามีรายได้ต่อปี 70 ล้าน
ทุกคนก็เลยนึกกันว่า เราจ่ายได้ไม่มีปัญหาอะไร

พอถามว่าอยากกินอะไร
ดันชอบขอกินแต่ของแพงๆหลักหมื่นกัน
แล้วเราดันมีลูกน้องตั้ง 700 คน

เงิน 70 ล้านนะ มันเลยหมดไปกับการเลี้ยงลูกน้อง
ท้ายสุดแทบไม่มีเก็บเลย

แถมพอลูกน้องบอกว่าจะคืนให้ทีหลัง
เราก็ต้องบอกตามธรรมเนียมด้วยว่า
ถ้าจะคืน แกคืนด้วยการเลี้ยงข้าวลูกน้องของพวกแกในอนาคตไป

-----------------

ซึ่งรายจ่ายตรงนี้นะ
เราเก็บบิลกับบริษัทก็ไม่ได้ด้วย
เพราะมันมีปัญหากับกรมภาษี

คือมันเป็นบริษัทมหาชน
แล้วเขาจะไม่ยอมรับการจ่ายเงิน
เพื่อเลี้ยงพนักงานด้วยกันเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท

ซึ่งเราอาจนับมันเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการประชุมได้
แต่มันก็มีขีดจำกัดเรื่องตัวเลขอยู่
และจะให้มีค่าเหล้าอยู่ในนั้นก็ไม่ได้ด้วย

ก็เลยต้องใช้เงินตัวเอง

-----------------------------

ซึ่งในวิดีโอของตัวเอง
เราเคยพูดว่าเราเคยได้เงินเดือน 2 ล้านเยน

แล้วมีคนมาคอมเม้นท์ว่า
มีเงินเดือนละ 2 ล้านไม่พอเหรอ?

เราก็เลยตอบไปว่า
เงิน 2 ล้านแล้วไง?

รู้เปล่าว่าฉันทำเงินให้บริษัทได้เท่าไหร่?

คือมันไม่ได้มีค่าถึงขนาดนั้น
เงินเดือนถึงไม่เป็นเรื่องติดใจตอนที่จะออกจาก Capcom มา

-------------------------------

ซึ่งตอนที่เราออกมานะ

Inafune เขาคงไปฟ้อง Tsujimoto ว่าเราทำปัญหาอะไรนู่นนี่ไว้

แล้ว Tsujimoto เขาคงเชื่อ
เลยมีการตรวจสอบการเงินว่าเราซุกอะไรไว้
แต่ก็ไม่มี

แต่ที่ได้ยินมา
คือเจอเรื่องที่คนอื่นซุกเอาไว้แทน

ซึ่งเราก็พอจะรู้อยู่นะว่ามีใครมั่ง
คงเป็นพวกเขานั่นแหละ

------------------------

ตอนที่เราลาออกมา
เราอยากไปเข้าบริษัทปาจิงโกะ
แต่ไม่มีใครรับเลย
แล้วมารู้ว่าเพราะ Tsujimoto ไปโทรบอกที่ต่างๆไว้ว่าอย่ารับ

คือมันมีนโยบายอยู่ว่า
ถ้าใครออกจากบริษัทมา
จะต้องขวางให้อย่าได้ดีในทันที

เพราะถ้าออกมาแล้วได้ดีทันที
คนอื่นๆจะออกตามกัน
ซึ่งจะยอมไม่ได้เป็นอันขาด

ซึ่งเราก็จะเข้าใจความรู้สึกอยู่นะ

ท้ายสุดก็เลยกลับเข้าวงการเกม
และก่อตั้ง Game Republic ขึ้นมา

----------------------------

ซึ่ง Capcom นะมีคนออกเป็นจำนวนมาก

โดยเดิมทีเราเป็นกำแพงกันคลื่นระหว่างพวกเขากับ Tsujimoto

แต่พอเราออกมาแล้วก็เลยเกิดกระทบกระทั่งกันจนออกกันมา

อย่าง Inafune ก็เหมือนกัน
พอเราออกมาก็ทนอยู่ได้ไม่กี่ปีเอง

แล้วตอนนั้นเราเขียน Blog ไปว่าเราจะตั้งบริษัทแล้วนะ
(สมัยนั้นยังไม่มี SMS หรือ Smartphone)

แล้ว Capcom ปิดสำนักงานต่างๆลงจำนวนมาก
คนที่เขาออกกันมาก็เลยมาอยู่ด้วย

----------------------------------

ตอนนั้นเป็นช่วงต่อระหว่าง PS2 ไป PS3

ซึ่งช่วงรอยต่อนั้นถือเป็นช่วงการชิงศึกกันของคนวงการเกม

คือมีการสู้กันระหว่าง Nintendo กับ Sony ตลอด
และพวกเขาจะจ้างทหารรับจ้างจำนวนมาก
เพื่อให้เครื่องของตัวเองชนะคู่แข่งได้

และทหารรับจ้างก็คือพวกเรานักพัฒนาเกม

ทำให้เราสามารถสร้างข้อต่อรองที่ได้เปรียบได้ด้วย

อย่างตอนนั้นถ้าเรารอให้ Wii ชนะก่อน
แล้วค่อยไปซบเพื่อขอทุนนะ
เขาจะไม่ให้ค่าอะไรกับเรา

นักพัฒนาเกมจำนวนไม่น้อย
เลยลาออกจากสังกัดกันตอนนั้น
เพื่อมาเสี่ยงโชคตรงนี้กัน

คือเป็นศึก Sekigahara ว่าคุณจะเข้ากับฝั่งไหน

----------------------------

หลังจากตั้งบริษัทแล้ว ก็เกิดปัญหาเรื่อง QA

Genji นั้นสร้างโดยทีมงานเดิมของ Nagoya Capcom ที่ปิดตัวลง
เลยรักษาคุณภาพได้

แต่สำนักงานอื่นนั้นไม่ไหวเลย

เพราะเป็นการรวมตัวกันของอดีตคนจากหลายสำนักงาน

คือ Sega มั่ง Square มั่ง
แล้วแต่ละที่ก็มีวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน
เลยเกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันด้วย

แล้วเราไม่ได้มีความเป็นผู้นำพอที่ทำให้ทีมงานฝ่าตรงนี้ไปได้

ทำให้สร้างผลงานที่พึงพอใจไม่ได้
และตามมาด้วยการส่งผลต่อชื่อเสียงของบริษัท

----------------------------------

ตอนนั้นเราเข้าฝั่ง Sony
แล้วใน Sony มีคนๆหนึ่งที่เราพึ่งเขาอยู่และเขาถูกปลด

ทำให้ทีมงานบริษัทต่างๆที่อยู่ใต้เขาอย่างเราโดนตัดออกไปด้วย

ซึ่งตอนนั้นเรารับงานกับ Sony อยู่เจ้าเดียว
เลยไม่มีงานเข้ามาเลย

แล้วในขณะที่เราเตรียมของเพื่อไปพรีเซ้นท์เจ้าต่างๆ
เงินเราก็หมด

แบกหน้าไปขอ Sony ว่า
เราถูกให้ออกจากสำนักงานแล้ว
ขอยืมพื้นที่คุณอยู่หน่อยชั่วคราว

เสร็จแล้วค่อยไปเจอบริษัทหนึ่งในอเมริกาที่เขาเป็นสปอนเซอร์ให้เรา

------------------------------

บริษัทนั้นเป็นบริษัทกองทุนที่ก่อตั้งโดยกลุ่มบริษัทภาพยนตร์
ทำให้มีทั้ง IP ดีและเงินทุนสูงมาก

ได้ทั้งโปรเจ็คและเงินทุนจำนวนมากมา
ให้เราเพิ่มขนาดทีมได้

...... แต่มาเจอปัญหา Lehman Shock

แล้วมันมีปัญหาในสัญญาที่เราทำ
คือเราจะได้เงินก็ต่อเมื่อเขารับรอง Milestone ที่เราส่ง

คือพอเขามีปัญหาการเงิน
เขาก็พยายามหาวิธีเลี่ยงจ่ายเงินเรา

โดยอ้างว่างานคุณยังไม่ดีพอตาม Milestone ที่กำหนดนะ
เราจะยังจ่ายให้ไม่ได้

แล้วดันมีสัญญาต่ออีกว่า
ถ้าเราไม่ทำต่อ เราก็ต้องคืนเงินให้เขา

ทำให้เราเองก็จะยกเลิกโปรเจ็คเองไม่ได้

แล้วเขาก็เลี่ยงไม่รับรอง Milestone ต่อ

กลายเป็นปัญหายืดเยื้อ
คือเราต้องทำงานต่อแล้วรอให้เขาล้มละลายก่อน
ถึงจะหยุดปัญหาตรงนี้ได้

แถมจะไปฟ้องเอาเงินก็ไม่ได้อะไร
เพราะเขาล้มละลาย ไม่มีเงินกันแล้ว

กว่าเขาจะล้มละลายก็ยืดเยื้อมา 6 เดือน

---------------------------------

พอมาถึงตรงนี้ เรามีหนี้ทั้งหมด 1700 ล้านเยนแล้ว

เราไปร้องขอคนรู้จักที่ Bandai ว่าของานเราหน่อย
แล้วเขาก็เมตตาให้งานเรามา

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่พอที่เราจะจ่ายดอกเบี้ยหนี้

คือทำเท่าไหร่หนี้มันก็ไม่ลดลง

แถมจะเพิ่มค่าจ้างหรือจ่ายโบนัสพนักงานก็ไม่ได้
คนมีฝีมือก็ทยอยออกกันไป
เหลือแต่คนระดับล่างที่ไม่รู้จะไปไหนกันมา

ทำให้สร้างผลงานที่ดีไม่ได้
และ Bandai เองก็ไม่พอใจกับเราด้วย

แล้วหลังจากนั้น Bandai เกิดปัญหาการประกอบกิจการ
และต้องเลย์ออฟคนออกจำนวนมาก

คนของ Bandai ที่เราพึ่งเขาก็ถูกโจมตีอย่างแรงมาก
คือเขาดูแลคนนอกบริษัทมากถึง 320 คน

ซึ่ง Bandai ไม่สามารถดูแลคนในบริษัทได้
คนอยู่นอกบริษัทอย่างเรานี่ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาเลย

เราที่เป็นหนึ่งในคนสังกัดนั้น เลยถูกตัดออกมา

-------------------------------

หลังจากนั้น หนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จะกู้ธนาคารต่อ ธนาคารก็ไม่ยอมให้กู้
จนเกิดปัญหาไม่มีเงินจ่ายพนักงานขึ้นมา

และท้ายสุดก็ล้มละลาย

---------------------------
---------------------------

คลิปสัมภาษณ์นี้แค่ครึ่งแรก
รอเจ้าของอัพครึ่งหลังครับ


Tags:

About author
not provided